แนวทางในการพัฒนาลูกหลานของเราต่อไปในอนาคต

ผมเป็นสมาชิกกลุ่ม Line อยู่หลายกลุ่มทั้งเพื่อนฝูงสมัยเรียน นักธุรกิจ เพื่อนที่ร่วมกิจกรรมพิเศษต่างๆ สารพัดโค้ชที่อยากมีความรู้ เข้าขั้น Data Overload คิดๆไปบางทีเราก็เสพข้อมูลมากจนเกินไป กลายเป็นจะทำอะไรก็ต้องหาข้อมูลประกอบอ้างอิงเต็มไปหมด มองได้ทั้งสองมุม มุมดีก็ทำให้มีความรู้ที่หลากหลาย อีกมุมหนึ่งเรารู้มากเกินไป พอจะทำอะไรทีก็ชักช้าเสียเวลา เกิดการ Error สุดท้ายก็ไม่ลงมือทำอะไรซักที คงต้องพยายามปรับทุกอย่างให้เข้าสู่สมดุลกันต่อไป
robot.jpg

และนี่ก็เป็นหนึ่งในข้อมูลที่ได้รับต่อมาจาก Line กลุ่ม เป็นการพูดของ แจ็คหม่า ในประเด็นเรื่องของการศึกษา แจ็คหม่าพูดไว้ว่า เราต้องปฏิวัติการศึกษา เพื่อให้เด็กมีความสามารถแข่งขันกับหุ่นยนต์ได้ เพราะในปี 2030 หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่การจ้างงานกว่า 800 ล้านตำแหน่ง เท่ากับว่าตอนนี้การศึกษากำลังเจอกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เพราะหากเรายังไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการสอน อีก 30 ปีข้างหน้าเราจะพบกับปัญหาใหญ่
ศิลป.jpg

เพราะปัจจุบันนี้วิธีการและสิ่งที่เราสอนเด็กๆ นั้นเป็นพื้นฐานความรู้ที่มีมาตั้งแต่ 200 ปีก่อน ซึ่งการศึกษาแบบเดิมๆ ทำให้เด็กๆ แข่งขันกับหุ่นยนต์ไม่ได้หรอก ดังนั้นอาจารย์ควรเลิกสอนแต่ความรู้ แต่ควรสอนสิ่งแปลกใหม่ที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ ทักษะที่อาศัยความละเอียดอ่อนเป็นสิ่งที่เราควรสอนให้กับเด็กๆ ในเรื่องของคุณค่า ความเชื่อ การคิดอย่างอิสระ การทำงานร่วมกัน การห่วงใยซึ่งกันและกัน
ศิลป1.jpg

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งละเอียดอ่อนที่ความรู้ไม่ได้สอนเรา นี่จึงเป็นเหตุผล ที่เราควรสอนให้เด็กๆ เล่นกีฬา ดนตรี วาดภาพ รวมถึงศิลปะต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่า มนุษย์เราจะแตกต่าง เราต้องสอนในสิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากหุ่นยนต์ แต่ถ้าหุ่นยนต์ทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่า เราต้องกลับมาคิดทบทวนกันใหม่อีกครั้ง

เป็นมุมมองของผู้ประสบความสำเร็จที่ผ่านความยากลำบากจนเติบใหญ่ในโลกธุรกิจออนไลน์และเทคโนโลยี ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ความคิดความอ่านของเขาจึงมีผลต่อและอิทธิพลต่อผู้คนในโลกนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับวงการศึกษาที่จะมีแนวทางในการพัฒนาลูกหลานของเราต่อไปในอนาคต


ขอบคุณทุกกำลังใจและการติดตามกันนะครับ
Picture2.png

twitter (1).png steem.png facebook (1).png sola1.png 002-social-media.png browser (2).png 004-youtube.png

giphy.gif

Picture2.png