My Actifit Report Card: May 31 2024
ทำบุญวันอัฏฐมีบูชา
สวัสดีครับพี่น้อง steemains ที่น่ารักทุกท่าน หลังจากห่างการโพสต์มาซักพัก สำหรับวันนี้ก็ขอนำเรื่งราวเกี่ยวกับการทำบุญในวันหยุดมาเล่าสู่กันฟัง กับการทำบุญในวันอัฏฐมีบูชา ซึ่งบอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่เคยได้ยินและรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ผมได้ไปเวียนเทียนที่วัดขนอนหนังใหญ่ และได้รับการบอกเล่าจากเจ้าอาวาสวัดขนอนและเชิญชวนให้ญาติธรรมได้มาร่วมกันทำบุญในวันอัฏฐมีบูชา และท่านได้เล่าให้เราทราบเรื่องราวของวันอัฏฐมีบูชาให้ฟัง ซึ่งอย่างที่บอกว่าผมเองรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก เลยตั้งใจว่าจะมาทำบุญในวันดังกล่าวนี้ ซึ่งตรงกับวันนี้ซึ่งเป็นวันหยุดพอดี
เพื่อเป็นการแนะนำให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวันอัฏฐมีบูชา ก็เลยเข้ามาเขียนบทความนี้ ไว้เผื่อปีต่อๆ ไป เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จะได้ไปทำบุญกัน เพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่เราให้ความศรัทธาและเคารพยิ่งที่เป็นผู้ชี้ทางสว่างให้กับมนุษย์โลก
วันอัฏฐมีบูชา คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย)
ประวัติพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในพุทธประวัติ
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นในวันที่ 8 หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี 15 ค่ำ เดือน 6 โดยพวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด 7 วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวายพระเพลิง
หลังจากที่พระเพลิงเผาซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว บรรดากษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองแล้วนำไปรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ของพระพุทธเจ้าได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นคันธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองปาตลีบุตร เป็นต้น และเมื่อบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่างๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำกลับมาสักการะยังแคว้นของตนแต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งและเตรียมทำสงครามกัน แต่ในสุดเหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจากโทณพราหมณ์ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งกษัตริย์แต่ละเมืองทรงสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองต่างๆ ดังนี้
- กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวสาลี
- กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกบิลพัสดุ์
- กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองอัลลกัปปะ
- กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองรามคาม
- มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวฏฐทีปกะ
- กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองปาวา
- พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองราชคฤห์
- มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกุสินารา
- กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน
- โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป)
สำหรับกรณีของกษัตริย์เมืองโมริยะนั้น ได้ส่งผู้แทนมาหลังจากที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทั้ง 8 เมืองไปแล้วจึงได้อัญเชิญพระอังคารไปแทน ส่วนโทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้สำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับตนเอง และผู้คนได้สักการะดังที่ได้กล่าวไป
source
บทความนี้คัดลอกมาจาก th.wikipedia.org
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องชาว steemains ที่รักทุกท่านนะครับ
และขอขอบคุณสำหรับการติดตามกันมาโดยตลอด
@Pichat