ตัวตนของเราบนดิจิทัลนั้นถือเป็นชีวิตจริง ไม่ใช่เสมือนจริงอีกต่อไป

เราเริ่มมีตัวตนบนโลกออนไลน์ที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเริ่มจะแยกไม่ออกระหว่างชีวิตจริงกับตัวตนบนโลกออนไลน์ ทุกอย่างเริ่มทับซ้อนกันจนเป็นเรื่องเดียวกัน การสร้างและการจัดการตัวตนดิจิทัลของเราจะกลายเป็นเรื่องปกติไปในที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตัดสินใจที่จะแสดงตัวตนต่อโลกภายนอกนี้อย่างไร ทุกวันนี้เรานำเสนอตัวตน ผ่านทางแฟชั่น คำพูดและการกระทำ ต่างๆที่เชื่อมต่อถึงกันซึ่งถือเป็นการแสดงตัวตนดิจิทัลของเรา ในขณะเดียวกันทุกคนก็สามารถที่จะแสวงหา แบ่งปันข้อมูล แสดงความคิดเห็นโดยอิสระ ซึ่งสามารถค้นหาและก็อาจถูกค้นพบได้ในขณะเดียวกัน

แนวโน้มสำคัญที่เกิดขึ้นจริง
มีการคาดการณ์กันไว้ว่า ภายในปี 2025 จะมีประชากรหรือจำนวนคนที่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ครบ 84 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งโลก ปัจจุบันการมีตัวตนดิจิทัลของผู้คนและการมีปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัลนี้จะทำให้สามารถรสืบค้นผ่านแพลตฟอร์มและสื่อออนไลน์ที่มีอยู่มากมายได้ง่ายขึ้น เพราะหลายคนมีตัวตนดิจิทัลมากกว่าหนึ่งตัวตน เช่น Facebook,Twitter,LinkedIn,Instagram,steemit และอื่นๆ อีกมากมาย

ประสบการณ์ตรงในการใช้ประโยชน์จากตัวตนดิจิทัล
ผมเคยมีประสบการณ์ที่ต้องขอบคุณเฟชบุ๊กอย่างมาก ครั้งที่ผมทำงานบริษัทเอกชน ซึ่งมีหน้าที่ในการกระจายงานให้กับผู้คนหรือชุมชนที่สนใจมีรายได้รับงานไปทำที่บ้าน ในครั้งนั้นมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อเข้ามาผ่านทางกรมจัดหางาน และได้มาขอรับงานจากผมไปทำ เราเองไว้ใจก็ทำการสอนงานและมอบวัตุดิบต่างๆให้น้องเขาไปทำ โดยที่ไม่มีการเรียกเก็บเงินมัดจำแต่อย่างใด มีการนัดส่งมอบงานตามวันเวลาที่เราได้กำหนดให้ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดส่งงานน้องเขาไม่มาส่ง แถมไม่สามารถติดต่อได้ โทรไปก็ไม่รับ สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นคือทำการค้นหาชื่อในเฟชบุ๊ก ปรากฏว่ามีตัวตนบนเฟชบุ๊ก จากนั้นก็ทำการส่งข้อความทักไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาแต่อย่างใด ซึ่งหากไม่ได้งานกลับคืนมานั้นเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร เพราะต้องทำการผลิตทุกอย่างใหม่และจะไม่ทันต่อการส่งมอบให้ลูกค้า จึงทำการเช็คดูว่าน้องเขามีเพื่อนไปใครบ้าง และมีการคอมเม้นท์ใครล่าสุดบ้าง และทำการติดต่อเพื่อนคนดังกล่าวพร้อมทั้งอธิบายถึงปัญหาและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นให้เพื่อนน้องเขาฟังเพื่อขอความช่วยเหลือในการติดต่อเพื่อนให้นำงานกลับมาคืน ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ จากเหตุการณ์นี้หากไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ของน้องเขาเหตุการณ์คงจบไม่สวยแน่เลย และนี่ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการมีตัวตนบนดิจิทัล แต่ในทางกลับกันก็อาจมีการโจรกรรมข้อมูลของเราไปใช้ทำให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามในอนาคตข้อมูลตัวตนของเราบนดิจิทัลนั้นถือเป็นชีวิตจริง ไม่ใช่เสมือนจริงอีกต่อไป ดังนั้นการที่จะโพสต์อะไร หรือคอมเม้นท์อะไร ก็อาจต้องคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนถึงผลกระทบที่จะตามมา เพราะคนทำงานสาย HR จะรู้ดีว่าปัจจุบันนี้หากจะต้องรับคนเข้าทำงานก็เริ่มมีการตรวจสอบ Profile Facebook กันก่อนแล้ว ดังนั้นชีวิตจริงหรือตัวตนบนดิจิทัล คือชีวิตเดียวกัน จงทำทุกอย่างด้วยสติ

ขอบคุณทุกกำลังใจและการติดตามกันนะครับ